สี่


   เสียงพัดลมเพดานที่หมุนไปมา หลอกเอื่อยว่ามีกระรอกจำนวนมากกำลังสนทนากัน เอื่อยสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับเหงื่อไคลบนใบหน้า เขาเอื้อมมือผ่านอิษยา(ที่กำลังนอนคว้ำหน้า)ไปยังขวดน้ำเปล่าที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียง หมุนเปิดฝาขวด แล้วรีบยกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว เขาวางขวดลง แล้วรีบห่มผ้าเพื่อนอนต่อ แต่การหลับตาเพียงแต่ช่วยให้เขามองไม่เห็น ใจของเขาตื่นอยู่ราวกับทหารที่เต็มใจจะเฝ้ายาม 
..อ้ายผอมลงจนเหลือแต่หนังติดกระดูก.. 
ถึงจะเป็นช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาที แต่แววตาของอ้ายบอกเล่าถึงเรื่องราวตลอดสองปีที่ผ่านมาให้เขาได้รู้ อ้ายไม่เคยสิ้นหวัง อ้ายเชื่ออยู่ตลอดว่าสักวันจะต้องหาตัวเขาจนพบ อะไรทำให้เขาไม่ตะโกนเรียกอ้าย? แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ ในช่วงเวลานั้น น้ำมีอิทธิพลเหนือกว่าลม น้ำตามีอิทธิพลเหนือกว่าลมที่เขาจะต้องเปล่งเพื่อให้เกิดเสียง และโดยธรรมชาติส่วนตัว ปกติเขาจะเป็นเช่นนั้น ทุกครั้งที่เอื่อยนอนตากพัดลมเป็นเวลานานๆ เขาจะต้องคอแห้งและดื่มน้ำเป็นปริมาณมาก และทุกครั้งที่เขาไปชายทะเลแล้วลมพัดแรง เขาจะต้องปวดฉี่บ่อยกว่าเดิม
รู้ว่าตัวเองคงไม่มีทางหลับต่อได้ เอื่อยลุกขึ้นไปปิดพัดลม แล้วเริกผ้าม่านออกเพื่อดูบรรยากาศด้านนอก แสงอาทิตย์อ่อนๆเริ่มมีให้เห็นที่ขอบฟ้าไกล พอสิ้นสุดเสียงพัดลม เริ่มมีเสียงน้ำแข็งถูกบดดังขึ้นมาจากทางบ้านเรือนด้านล่าง เอื่อยเปิดน้ำจากก๊อกที่อยู่ตรงระเบียงเพื่อเติมบัวรดน้ำสีแดงอันเล็ก เขาเอามันไปรดต้นกระเพรากับต้นพริกที่ปลูกไว้ตรงริมลูกกรง แล้วเปิดฝากระบะเพื่อเช็คสภาพของต้นถั่วงอกจำนวนมากที่กำลังโตวันโตคืน เสร็จเขาเดินกลับเข้ามาในห้อง หยิบขลุ่ยไม้ไผ่ที่อ้ายทำให้ขึ้นมาเป่า เขาเลิกซ้อมเพลงที่อ้ายเคยสอนมานานแล้ว ส่วนนึงเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากจะคิดถึงมัน แต่อีกส่วนนึงเป็นเพราะว่าเขาชอบเป่ามั่วๆไม่เป็นเพลงมากกว่า อิษยาตื่นขึ้นในโน๊ตโดเสียงสูง เธอเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์เพื่อดูเวลา แล้วบอกเอื่อยว่าเขาควรจะนอนต่อ เอื่อยเห็นด้วย
น่าแปลกที่เวลาคนเราฝันแล้วตื่นขึ้นมา มันจะมีอาการอยู่สามแบบ แบบแรกคือจำเหตุการณ์ได้เกือบทั้งหมดและสามารถเล่าได้เป็นฉาคๆ แบบที่สองคือจำได้แต่ไฮไลท์ของฝัน แต่พอมาปะติดปะต่อเรื่ิองเข้าด้วยกันแล้วงง และแบบที่สามก็คือ ในความคิดรู้ว่าพึ่งฝันเกี่ยวกับอะไรไปบ้าง แต่พอเว้นระยะไปซักพัก จะเล่าให้คนอื่นฟัง กลับเล่าไม่ได้ " เขาคุยกับอิษยาแต่เธอดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยิน เห็นว่าไม่มีใครคุยด้วย เอื่อยเอาขลุ่ยไปแขวนไว้ตรงพนังที่เดิม แล้วใส่รองเท้าผ้าใบเพื่อลงไปด้านล่าง แต่พอลงมาถึงข้างล่าง เอื่อยรีบวิ่งกลับไปที่ห้องอีกครั้ง ไขกุญแจ แล้วรีบเดินไปรื้อค้นของในลิ้นชิ้นออกมาอย่างกระจุยกระจาย อันที่หนึ่ง อันที่สอง สุดท้ายมาเจอหมวกที่เขาต้องการในลังกระดาษริมกำแพง เขาสวมหมวก หยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วรีบรุดหน้าออกไป


อีกด้านนึงของกรุงเทพฯ อ้ายกำลังง่วนอยู่กับการซ่อมล้อรถที่รั่วเพราะโดนอะไรบางอย่าง เขาถอดยางออกมาแล้วเอาไปจุ่มลงในกะละมังที่ใส่น้ำเอาไว้ หมุนไปมาเพื่อหาฟองอากาศ เอาเล็บแกะตะปูขนาดเล็กที่ฝังอยู่ในล้อออก เช็ด ขัด ปะ และเติมลมจนสามารถใช้ได้เหมือนเก่า เขาสังเกตุเศษตะกอนสีดำจำนวนมากที่อยู่ด้านล่างของกะละมัง ก้มมองภาพสะท้อนของตัวเองบนผิวน้ำ อ้ายเอามือเขี่ยไปเขี่ยมา ทุกครั้งที่เขี่ย ตัวเขาในน้ำบิดไปบิดมา รู้สึกหิว อ้ายเดินไปหยิบเอาเนื้อที่เขาตากเอาไว้ในกระจาดบนหลังคารถลงมา ตัดสินใจหุงข้าวเหนียวด้วยซึ้งกับเตาถ่าน พอข้าวเหนียวสุกได้ที่ เขาเอาเนื้อใส่ลงไปด้านบนเพื่ออุ่นให้ร้อน แล้วนั้งกิน

บนรถเมล์ เอื่อยนั้งมองวิวข้างทาง

บนรถสามล้อบ้าน อ้ายนั้งมองต้นไม้

บนถนน เอื่อยหยุดเดิน

บนรถสามล้อบ้าน อ้ายมองไปที่เอื่อย

No comments:

Post a Comment